พ่อแม่ยังไม่สบาย อย่ าพึ่งท้อถอย

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดการใช้ชีวิต กับบทความ พ่อแม่ยังไม่สบาย อย่ าพึ่งท้อถอย ไปดูกันว่าทำไมเราถึงไม่ควรท้อในวันนี้

พ่อและแม่ เป็นบุคคลที่เราควรเคารพและนับถือท่านให้สูงสุด เพราะท่าน มีพระคุณต่อลูกทุกคน และยังมอบแต่สิ่งดีดีให้กับลูกทุกคนเสมอมา ไม่ว่าจะย ากดีมีจน ท่านก็ไม่เคยทิ้งหน้าที่ของท่าน การใช้ห นี้บิดามารดามีสองระดับคือ ระดับพื้นฐาน ได้แก่การทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด คือ เมื่อท่านเลี้ยงเรามาแล้วก็ต้องเลี้ยงดูท่านตอบ ช่วยทำการงานของท่าน ดำรงวงศ์สกุล

ประพฤติให้อยู่ในศีลธรรมเหมาะสม แก่การสืบทอ ดในมรดก และเมื่อท่านได้ล่วงลับไปแล้ว ก็ต้องทำบุญอุทิศบุญให้แก่ท่าน วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่ างสูงสุด ชำระห นี้อันศักดิ์สิทธิ์อย่ างสมน้ำสมเนื้อ แต่การคิดเลี้ยงดูให้พ่อแม่สุขทั้งกายสบายทั้งใจ นับเป็นการใช้ห นี้แค่ครึ่งเดียว หากจะตอบแทนอย่ างสมน้ำสมเนื้อนั้น ในระดับสูงสุดต้องมีโอกาสด้วย โอกาสที่ว่านั้นคือ ให้โอกาสพ่อและแม่ ที่ยังไม่มีที่พึ่งให้ตนเอง ได้มีที่พึ่งในทางจิตใจ

ที่พึ่งในทางจิตใจ ได้แก่ ความรู้ความศรัทธาในเรื่องก ร ร มและการให้ผลก ร ร ม หากท่านยังไม่มีความตั้งมั่นในทาน ยังไม่มีความตั้งมั่นในศีล แล้วผู้เป็นลูกสามารถโน้มน้าว ชักชวนให้พวกท่าน มาศรัทธาก ร ร มได้ ฝึกให้ทาน จนรู้สึกว่าหากไม่ให้แล้วเหมือนข า ดอะไรไปในชีวิต ฝึกถือศีลจนประพฤติผิดแล้วรู้สึกผิดรุนแรง นั่นแหละจึงได้ชื่อว่าเราได้ ตอบแทนคุณท่านอย่ างสมน้ำสมเนื้อ ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะก ร ร มดี คือ ที่พึ่งที่แท้จริง

เมื่อเราสามารถทำให้พ่อแม่ ได้ศรัทธากฎแห่งก ร ร มวิบาก ตั้งมั่นในทาน ตั้งมั่นในศีล ก็เท่ากับเราได้ตอบแทน เ ลื อ ด เนื้อก้อนนี้เป็นอัตภาพดี ๆ ในการสร้างก ร ร มครั้งต่อ ๆ ไปของพ่อแม่นั่นเอง ในครั้งพุทธกาล มีพระสาวกรูปหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้ายกย่องว่า เป็นผู้ที่มีความกตัญญู และหาวิธีใช้ห นี้บุญคุณบิดามารดา ได้ประเสริฐที่สุดนั่นก็คือ ‘พระสารีบุตร’ ท่านสารีบุตรนั้นเป็นพระอรหันต์ ผู้เลิศด้วยปัญญารองจากพระพุทธเจ้า สั่งสอนอบรมให้ผู้คน กล า ยเป็นพระอรหันต์มาแล้วนับไม่ถ้วน

แต่มีอยู่คน ๆ หนึ่งที่ท่านยังไม่ได้สอนให้ หากไม่ได้สอนคน ๆ นี้ให้เข้าถึงธรรมท่านก็จะยังนิพพานไม่ได้ คน ๆ นั้นก็คือ โยมแม่นั่นเอง วันหนึ่งก่อนหน้าที่ท่านจะนิพพาน ก็ได้กราบทูลลาพระพุทธองค์เพื่อ กลับบ้านเกิด เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้วจึ งออ กเดินทางด้วยร่างกายที่ถูกรุมเร้าด้วยพิ ษไข้ และบากบั่น มาพบหน้ากับโยมแม่ได้

คืนนั้นพระสารีบุตรได้แสดงธรรมสั้น ๆ บทหนึ่งให้โยมแม่ได้ฟัง จนพระนางได้ดวงต าเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน เมื่อท่านได้ชำระห นี้อันศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว รุ่งเช้าก็ได้เข้านิพพานอย่ างสงบ ธรรมช าติพิเศษของการใช้ห นี้บุญคุณ มีอยู่ประการหนึ่ง คือ ยิ่งห นี้สูงแล้วเราได้ใช้คืนพ่อแม่อย่ างสมน้ำสมเนื้อ เราจะได้คะแนนบวกมหาศาล น้ำหนักของก ร ร มดี ที่เราได้ทำกับพ่อแม่จะให้ผลชัด เป็นความไม่ตกต่ำ แม้ช าติปัจจุบันถูกก ร ร มเก่าร้ า ย ๆ เล่นงานก็จะได้รับความช่วยเหลือ ผ่อนหนักให้เป็นเบาต ามสมควร

เรื่องน่าเศร้าคือ ก ร ร มบางอย่ างอาจจะปิดบังไม่ให้เราเอง เห็นช่วงเวลาที่แม่ได้รับความลำบากตั้งท้องเรามา ท่านไม่เคยเปิดเผยให้เห็นช่วงนาทีวิกฤต ที่ต้องทุ ก ข์สาหัสกับการเบ่งคลอ ดเราออ กมา กับทั้งไม่ให้เราได้รับรู้ว่า พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงเรามาอย่ างไร ด้วยเหตุนี้ จึงมักทำให้ชีวิตของมนุษย์ทุกคน จึงมองเห็นแค่บุญคุณของคนภายนอ กก่อน อย่ างครูบาอาจารย์ บุญคุณของญาติ บุญคุณของเพื่อน และบุญคุณของใครต่อใครอื่น ๆ ในโลกที่ทุ่มเทเวลาช่วยเหลือเรา

และเราก็เผลออาจตัดสินว่า น้ำหนักของบุญคุณคงจะพอ ๆ กันกับที่พ่อแม่ช่วยเหลือเรามา และที่สำคัญหากเราไม่ได้ตอบแทนพ่อแม่เลย ลูกของเราเองนั้นและ จะเป็นผู้ทำหน้าที่ทวงคืนแทน คือ ก ร ร มของเราเอง จะไปดึงดูดเอาโอปปาติกะ พวกที่จะมาเป็นลูกล้างลูกผลาญ และไม่สำนึกบุญคุณมาเกิดเป็นลูก และหากเรายังไม่มีลูก ก็จะต้องทบห นี้ไปถึงช าติถัดไป ในทางกลับกัน หากเรามีลูกอยู่แล้วไม่รับผิดชอบดูแลลูกเมียให้ดี

มันอาจหมายถึง การเลื่อนเวลาชดใช้ห นี้เก่าก็ได้ ต้องแยกให้ออ กว่าลูกอาจติดห นี้ชีวิตเราก็จริง แต่เราเองก็อาจเคยติดห นี้เขาไว้ก่อน หากเขามาทวงห นี้คืนแล้วไม่ใช้ ช าติต่อไปเราก็มีสิทธิ์สูง ที่จะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ข า ดความรับผิดชอบ เลี้ยงดูแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ หรือฝากคนอื่นเลี้ยงจนคุณว้าเหว่ และมีปัญหาตั้งแต่เล็กก็เป็นได้

ที่มา rowwadee, meeruk