วิ ธีรับมือ กับการที่ลูกชอบเถียงพ่อแม่

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้วิธีการรับมือเมื่อลูกของเราชอบเถียงพ่อแม่ กับบบทความ วิ ธีรับมือ กับการที่ลูกชอบเถียงพ่อแม่ ไปดูกันว่าเราจะรับมืออย่ างไรให้ลูกของเราเชื่อฟัง และไม่ต่อต้าน

ทำไมลูกชอบเถียง

ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าการเถียงเป็นเรื่องธรรมช าติ และไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่เถียง เพราะการเถียงเป็นพัฒนาการต ามวัยในทักษะด้านภาษา โดยเฉพาะเด็กวัย 3 – 5 ขวบ ที่เขาเริ่มพูดได้ และเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น เพียงแต่ว่าเขายังไม่สามารถเรียบเรียงคำ หรืออธิบายเหตุผลด้วยคำพูดที่รู้เรื่องน่าฟัง นั่นทำให้ผู้ใหญ่คิดว่านี่คือ การยอ กย้อน

หรือเถียงคำไม่ตกฟาก ซึ่งการเถียงจะเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่ว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ หรือเรื่องราวมันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เพราะในหล า ยครั้งที่พ่อแม่มักเหมารวมการกระทำของลูก ด้วย คำพูดตำหนิและใส่อารมณ์เพิ่มเข้าไป ประมาณว่า ‘บ้านรกอีกแล้ว หนูไม่เคยเก็บของเล่นเลย’ ‘ทำไมไม่รู้จักช่วยงานบ้านบ้าง’ ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองคิดดูดีๆ ลูกก็ทำในสิ่งที่เราบอ ก

เพียงแต่ว่าในครั้งนี้เขายังไม่ได้ทำ เราก็แค่บอ กให้เขาทำแค่นั้นเอง เช่น ‘ช่วยแม่เก็บของเล่นหน่อยนะคะคนเก่ง คราวที่แล้วที่หนูเก็บเอง เก่งและเรียบร้อยมากๆ เลยค่ะ’ แต่จริงๆ แล้ว การเถียงมีข้อดีกว่าที่คิดนะคะ เพราะทำให้เรารู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง เพราะการแสดงออ กย่อมดีกว่าการเก็บกด เก็บไว้เงียบๆ ทำทีเหมือนเห็นด้วยแต่จริงๆ แล้วลูกคิดอะไรอยู่ เราก็ไม่สามารถรู้ได้เลย แต่เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะทำยังไงให้ลูกเถียง หรือแสดงความคิดเห็นอย่ างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น

แยกให้ออ กระหว่าง ‘เถียง’ กับ ‘แสดงความคิดเห็น’

คำว่า ‘เถียง’ กับ ‘แสดงความคิดเห็น’ นั้น มีเส้นบางๆ กั้นอยู่ค่ะ โดยปกติแล้ว คนเราย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และต้องการอธิบายสิ่งที่เราคิดอยู่ในหัวออ กมา รวมไปถึงความคิดเห็น ที่มีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการอธิบายเพื่อให้เข้าใจตรงกัน หรืออธิบายเพื่อให้รับรู้ถึงเหตุผลของพฤติก ร ร มหรือสิ่งที่เราได้ทำลงไป ซึ่งการทำแบบนี้ก็เรียกว่าการแสดง ความคิดเห็นนั่นแหละค่ะ แต่สิ่งเหล่านี้จะกล า ยเป็นการเถียงทันที หากเรามี ‘อารมณ์’ เข้ามาเกี่ยวข้อง

ดังนั้นถ้าจะให้สรุปง่ายๆ คือ การแสดงความคิดเห็น คือ การอธิบายอย่ างมีเหตุมีผล ไม่ขึ้นเสียง ไม่ชักสีหน้า ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อธิบายเพราะอย ากที่จะให้คนอื่นรับรู้ถึงอารมณ์หรือความรู้สึก เพื่อให้เข้าใจกัน ไม่ใช่เอาชนะ การเถียง คือ การพูดด้วยอารมณ์ และใช้เสียงดังข่ม เน้นเอาชนะ ในบางครั้งก็พูดข้างๆ คูๆ ไม่ได้มีเหตุผลที่ชัดเจน เพราะฉะนั้น เราต้องดูกันดีๆ นะคะ ว่าลูก ‘เถียง’ หรือว่าเขา

แค่กำลัง ‘แสดงความคิดเห็น’ เพราะถ้าเกิดเราตัดสิน และให้คำพูดเหมารวมไปแล้วว่านี่คือ การเถียง และใช้คำพูดประมาณว่า ‘เถียงอีกแล้ว’ ‘เถียงคำไม่ตกฟาก’ ‘เป็นเด็กเป็นเล็กมาเถียง ผู้ใหญ่ได้ยังไง’ ลูกจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดคือ การอธิบาย ไม่ใช่การเถียง นั่นทำให้เขาตั้งแง่กับเรา และไม่ว่าคุยกันกี่ทีก็จะลงเอยด้วยการทะเลาะกันทุกครั้งแน่นอน

ปรับพฤติก ร ร มการเถียงของลูก

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่า สิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่ คือ การเถียง เราก็ต้องเอาตัวเองมาเป็นพวกเดียวกับลูกแล้วล่ะค่ะ อย่ าตั้งแง่ และทำให้ลูกเห็นว่า ฮัลโหล นี่พ่อแม่เอง เราคือพวกเดียวกันนะ ไม่ต้องเอาชนะกันก็ได้ พ่อแม่พร้อมรับฟังหนูเสมออย่ างแรกคือพ่อแม่ต้องใจเย็น อย่ าใช้อารมณ์นำทางเด็ ดข า ด เข้าใจว่าเราเป็นคนก็ต้องมีอารมณ์เหมือนกัน แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่กว่า ก็ต้องมีสติและควบคุมตัวเองได้ดีกว่าเด็กอยู่แล้ว เมื่อเราควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ให้ ‘เปิดใจ’ ฟังเขาค่ะ เปิดใจคือเปิดใจจริงๆ นะคะ ไม่ใช่แค่หู ต้องรับฟังและคิดต ามในมุมของลูกด้วย

ว่าเหตุผลที่เขายกขึ้น มาคืออะไร แม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วย แต่ก่อนอื่นต้องฟัง ฟังเขาให้จบก่อน อย่ าเพิ่งขัด ถ้าลูกพูดด้วยอารมณ์ และเสียงดัง เราก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบ อาจใช้ภาษากายเข้าช่วย เช่น ลูบหลัง จับมือ เพื่อให้ลูกรู้สึกใจเย็นลง จากนั้นให้ค่อยๆ พูดด้วยเหตุผล ‘หนูลองพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลกว่านี้นะคะ ไม่ต้องใช้อารมณ์นะ ค่อยๆ พูด แม่เข้าใจว่าหนูหมายความว่าอะไร

งั้น มาลองฟังเหตุผลของแม่ดูไหม ให้หนูลองฟังก่อน แล้วเราคิดเห็นว่ายังไง ก็มาลองคุยกันนะ’นอ กจากนี้เราต้องสอนให้ลูกเข้าใจถึงการเลือ กใช้คำพูด ว่าสิ่งที่พูดออ กไปโดยไม่ได้ ผ่านการคิดหรือไตร่ตรอง ใช้แต่อารมณ์เป็นที่ตั้ง จะสร้างความ เ จ็ บ ป ว ด ภายในจิตใจของคนฟังอย่ างไม่มีวันลบออ กได้ แต่คนพูด พูดไปแป๊บๆ เดี๋ยวก็ลืม อย่ างที่เขาบอ กกันว่า ‘คนพูด

ไม่เคยจำ คนฟังไม่เคยลืม’ เพราะฉะนั้นก่อนจะพูดหรือเถียงอะไร ต้องคิดถึงจิตใจคนฟังเยอะๆแต่ไม่ใช่ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องตอบสนองทุกอย่ างที่ลูกพูดนะคะ ถ้าสิ่งไหนไม่ถูกต้อง หรือลูกเข้าใจอะไรผิด ก็ต้องว่ากันไปต ามผิด มีการล งโ ท ษที่เหมาะสมหรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ที่สำคัญคือต้องเปิดใจคุยกันก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งเถียงกัน และทำให้จิตใจ

ของทั้งพ่อแม่ลูกขุ่น มัวไปเปล่าๆ ค่ะที่สำคัญมากที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นแบบอย่ างที่ดีให้แก่ลูกค่ะ คือเวลาที่เราคุยกันเอง ก็ต้องคุยด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ เพราะถ้าขนาดเราคุย กันเอง ยังทะเลาะกัน ใช้คำพูดประชดประชัน จ้องแต่จะเอาชนะ เราก็คงไปสอนให้ลูกเลิกเถียง หรือพูดกันด้วยเหตุผลไม่ได้หรอ กค่ะ จริงไหมคะคุณพ่อคุณแม่ ?

ที่มา p a r e n t s o n e. c o m, f a h h s a i