วันนี้เราจะพาคุณไปดูสิ่งที่ลูกหล า ยคนอาจจะหลงลืมไปนานแล้ว และจะเข้าใจในวันที่ตัวเองได้เป็นพ่อแม่คนแล้ว กับเรื่องราวของแม่ 13 ข้อที่ลูกหล า ยคนอาจจะลืมไปแล้ว ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
1) ก่อนที่เราจะได้เกิดมา ครั้งหนึ่งแม่ของพวกเราเคยสาว เคยสวย เคยเป็นเด็กวัยรุ่นช่างฝันเหมือนเรานี่แหล่ะ ท่านเคยฝันว่า วันหนึ่งท่าจะมีครอบครัวที่น่ารัก มีสามีที่ดี และมีลูกที่น่ารัก มีครอบครัวอบอุ่น แต่ชีวิตจริงก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว แต่แม่ก็คิดว่า ‘ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไรหรอ ก’
2) ตอนแม่อุ้มทองเรา แม่ต้องแบกน้ำกว่า 15 กก. ตลอ ดระยะเวลา 9 เดือน กว่าเราจะคลอ ดออ กมา กว่าเราจะได้ลืมต าดูโลก แม่ต้องเ จ็ บป ว ดที่สุดในชีวิตในวันที่คลอ ดเรา อย่ างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่า การคลอ ดลูกมันทรมาน มาก เราไม่มีทางรับรู้ความรู้สึกนั้นได้เลย
จนกว่าเราจะได้คลอ ดลูกเอง หล า ยคนอาจลืมไปแล้วว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะทนแบกอะไรหนักๆ ไว้ตลอ ด 9 เดือนและ
เ จ็ บป ว ดจนเกือบข า ดใจ ต า ย เพื่อให้เราได้เกิดมา แต่เพียงแค่เห็นหน้าลูก น้ำต าแม่ก็ไหล ลืมความเ จ็ บป ว ดนั้นไปเสียสิ้น
3) แม่เคยสาว เคยสวย เคยรูปร่างดีกว่านี้ เคยมีผิวที่ดีกว่านี้ จนวันที่ต้องทำงานทุกอย่ างในบ้าน ทั้งต้องเลี้ยงลูก ทุกอย่ างในชีวิตของแม่คือลูก ทุกลมห า ยใจก็คือลูก เ ลื อ ด ในอ กผสมกลั่นเป็นน้ำน ม ยิ่งช่วงอุ้มท้อง สิ่งที่กินไปทั้งหมด แม่ก็ต้องแบ่งให้เราด้วย ร่างกายของแม่ก็เริ่มแห้งเหี่ยวลง
4) ถ้าเรายังไม่ลืม ตอนนี้เรามีเวลาชีวิตเป็นของตัวเองยังไง ในอดีต แม่ก็เคยมีเวลาเหมือนที่เรามีตอนนี้ แต่ตั้งแต่เราเกิดมา
เวลาทั้งหมดของแม่ก็กล า ยเป็นของเราทันที โดยเฉพาะในปีแรกที่ต้องคอยประคบประหงมลูกน้อย เงินที่หามาได้ก็ถูกใช้ซื้ อของจำเป็นของลูกน้อย มันไม่ง่ายเลยสำหรับเงินก้อนนั้น
5) เมื่อเราเข้าโรงเรียน วันแรกที่แม่ยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องห่างจากลูกน้อย ด้วยความเป็นห่วงอย่ างที่สุด ไหนจะค่าเทอม
ค่าชุดนักเรียน ทุกอย่ างแม่ต้องแบ่งเงินและลดคุณภาพตัวเองลงทั้งหมดเพื่อลูก เราจะเห็นได้ว่า ช่วงเวลานี้แม่ไม่ได้ไปเที่ยวอีกต่อไป เพราะท่านคิดถึงอนาคตของเรา
6) ตอนเราเป็นวัยรุ่น ทุกอย่ างยิ่งย ากขึ้นไปอีก จากแม่ที่เคยให้คำปรึกษากลับกล า ยเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยในสายต าเรา เพราะเราติดเพื่อน เราเริ่มมีสังคมเป็นของตัวเอง เราเริ่มมีความลับกับแม่ เริ่มตะคอ กแม่ และโ ก ร ธแม่บ่อยขึ้น แต่ในสายต าของแม่ แม่ยังคงมองเราเป็นเด็กน้อยในสายต าท่านเสมอ เราน่าจะลืม วันที่เราพูดอ้อแอ้ พูดไม่รู้เรื่อง คอยถามแม่ว่าอันนั้นอะไร อันนี้อะไร ตลอ ดทั้งวัน แต่แม่ก็ไม่เคยรำคาญเราเลย
7) ครั้งแรกที่เรามีความรัก ครั้งแรกที่เราอ กหัก แม่แอบมองดูเราห่างๆ และเสียใจกับเราไปด้วย เราอาจจะลืมไปแล้วว่าคนที่รักเรามากที่สุดคือแม่ของเราต่างหาก คนๆ นั้นเป็นใคร ไม่ได้เลี้ยงเรามา ทำไมเราถึงต้องเสียน้ำต าให้เขา
8) เมื่อเราเรียนจบ พ่อแม่ดีใจกว่าเราอีก วันนั้นคือวันที่พ่อแม่ภูมิใจมากที่สุด
9) วันแรกของการไปทำงาน เหมือนเป็นการเปิดโลกใบใหม่ เราพบเจอผู้คนใหม่ๆ มากมาย แต่พอแม่ยังอยู่ในโลกใบเดิม ยิ่งถ้าเราต้องเดินทางไปอยู่ที่อื่น หรือไปทำงานไกลๆ อย่ าลืมนึกถึงสองเฒ่าที่รออยู่ที่บ้าน
10) คนที่ดีและไม่ดีมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มีคนเข้ามาและก็จากไป คบๆ เลิก มีพบมีจาก แต่พ่อแม่ยังคอยมองดูเราอยู่ห่างๆ ไม่เคยจากไปไหน เราอาจจะลืมพ่อแม่ไปบ้าง และพวกท่านก็ไม่เคยมาก้าวก่ายอะไรในชีวิตเรา ท่านอาจจะตกยุคไปบ้าง สงสัยในชีวิตเราแต่ก็ไม่กล้าถาม หล า ยคน มองพ่อแม่เป็นอากาศไปแล้ว
11) วันที่เรามีครอบครัวเป็นของตัวเอง กับคนที่เรารัก ยิ่งเรามีครอบครัว พ่อแม่ก็ยิ่งห่วงเรามากขึ้น หรือหากเราอยู่คนเดียว พ่อแม่ก็ไม่ได้ห่วงเราน้อยลง ณ จุดนี้ พ่อแม่เริ่มกังวลว่าตัวเองจะเป็นโ ร คร้ า ยอะไรหรือเปล่า ท่านเริ่มกลัวจะไม่ได้อยู่ดูแลเรา ท่านเริ่มกังวลว่าเราจะเจอคนดีๆ ไหม พ่อแม่ก็แค่คนแก่ๆ คนหนึ่ง ที่เป็นห่วงลูกตัวเองมากๆ ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรยึดติด
12) วันที่ชีวิตเรากำลังไปได้สวย ชีวิตของพ่อแม่ก็กำลังร่วงโรยเช่นกัน เราอาจจะลืมว่าเราผ่านทั้งหมดในชีวิตมาได้อย่ างไร ทุกอย่ างเป็นเหมือนฝัน พ่อแม่ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ท่านเคยเป็นเด็ก เคยเป็นวัยรุ่น เคยทำงาน เคยแต่งงาน เคยมีครอบครัว และมีลูกน้อย ท่านหวังเพียงแค่ให้เราเป็นคนที่ดี
13) ช่วงสุดท้ายของชีวิต ที่เราไม่เคยคิดว่าจะมาถึง วันหนึ่ง พ่อแม่อาจจะเรียกเราไปพบ และพูดบางอย่ างที่เลื่อนลอย คำพูดนั้นเบาบางเหมือนกับไม่มีอะไร ท่านเริ่มรู้ตัวแล้ว ท่านเริ่มปลงกับชีวิตและไม่ยึดติดอีกต่อไป วันที่ท่านต้องไป วันที่เราเติบโตขึ้น มีครอบครัว มีลูกเป็นของตัวเอง วันนั้นแหล่ะ เราถึงจะเข้าใจพ่อแม่ของเราจริงๆ
ที่มา ปริญญาชีวิต