12 จุดเช็คก่อนออ กเดินทาง

วันนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ด้วยตัวเองก่อนที่จะออ กเดินทางไกล กับบทความ 2 จุดเช็คก่อนออ กเดินทาง ไปดูกันว่ามีจุดสำคัญตรงจุดไหนบ้างที่คุณนั้นควรตรวจเช็คให้ดีก่อนออ กเดินทางไกล เพื่อความปลอ ดภัยของตัวคุณและเพื่อนร่วมทางของคุณ

ก่อนเดินทางไกลนั้น ผู้ขับขี่จะต้องขับขี่อ ย่ า ง ป ล อ ด ภั ย เช็คความพร้อมของร่างกายไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่ วโมง ขับขี่ต ามกฎจราจร ไม่ขับรถเร็วเกินไป หรือถ้าหากง่วงก็อ ย่ า ฝืนให้หาที่จอ ดที่ปลอ ดภั ยอ ย่ า งปั๊มน้ำมัน เพื่อพักสายต าก่อนดีกว่า หรือแม้แต่ดื่มวิต ามินซีแทนการดื่มกาแฟ เป็นต้น การตรวจสอบเช็คสภาพของยวดย า นพาหนะก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อความปลอ ดภั ย และไม่เกิดปัญหากลางทาง ซึ่งอาจส่ งผลเสียต่อทั้งตนเอง ผู้โดยส า รและท รั พ ย์สินอีกด้วย ดังนั้น 12 จุดสำคัญของรถที่ต้องเช็ดให้แน่ใจก่อนจะออ กเดินทาง มีดังนี้

1 ระบบน้ำ

หม้อน้ำรถเป็นอีกสิ่งที่ต้องตรวจสอบอยู่สม่ำเสมอ โดยให้ตรวจดูว่าอยู่ในระดับที่กำหนดไว้หรือไม่ รวมถึงมีเศษสิ่งสกปรกตกลงไปในหม้อน้ำด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ต้องตรวจตอนที่ยังไม่ได้สต าร์ทรถ และไม่ควรทำตอนที่เครื่องยนต์มีความร้อนอยู่ด้วย

2 แบตเตอรี่รถและระบบสายไฟภายในห้องเครื่อง

เป็นสิ่งสำคัญเรียกได้ว่าเป็นหั ว ใ จของย า นพาหนะ โดยตรวจสอบแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะหากแบตเตอรี่หมดกลางทาง ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ รวมถึงระบบสายไฟต่างๆ ในห้องเครื่องว่าปกติดีหรือไม่ด้วย

3 ระบบไฟ

ตรวจสอบทั้งไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเลี้ยงต่างๆ ของตัวรถ เพราะเมื่อถึงเวลากลางคืน ไฟส่องสว่างเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยนำทางให้ รวมถึงไฟฉุ ก เ ฉิ น ไฟตัดหมอ กของตัวรถอีกด้วย

4 แตรรถ

แตรรถที่หล า ยคนอาจมองข้ามไป เพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน เลยมักจะไม่ค่อยได้เช็ค ดังนั้นให้เช็คว่าแตรรถยังมีเสียงดังดีหรือไม่ เพราะแตรรถจะเป็นตัวช่วยแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันได้ทราบถึงสัญญาณต่างๆ ได้ด้วย

5 ที่ปัดน้ำฝน

ย า งปัดน้ำฝนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 6-12 เดือน แล้วแต่การใช้งานและสภาพแวดล้อม หากย า งปัดน้ำฝนเสื่อมจะทำให้เมื่อเกิดฝนตก ย า ง ปัดน้ำฝนจะทำงานได้ไม่ดีนัก ทำให้ทัศนวิสัยแ ย่ ล ง ดั้งนั้นให้หมั่นตรวจสอบอยู่อ ย่ า ง ส ม่ำเสมอด้วย

6 อะไหล่สำรอง

เป็นเหมือนการเตรียมพร้อม หากต้องเจอ กับภาวะฉุ กเ ฉิ นเช่น ย าง รถสำรอง แม่แรง เป็นต้น

7 น้ำมันเบรก

เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรตรวจสอบอยู่เสมอ เพราะหากน้ำมันเบรกไม่พอ หรือหมดในขณะที่ขับขี่อาจส่ งผลร้ า ย ถึงขนาดระบบเบรกไม่ทำงาน หรือเบรกแตก จำควรหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอด้วย

8 ระบบปรับอากาศ

เป็นระบบปรับอากาศหรือแอร์ทั้งภายในห้องโดย ส ารและห้องเครื่อง อ ย่ า งใบพัดในห้องเครื่อง เพราะถ้าหากแอร์ในห้องโดยส ารไม่เย็น คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ยิ่งหากเจอ กับอากาศร้อนๆ ของบ้านเราด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หงุดหงิดได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบระบบปรับอากาศ และหมั่นเปลี่ยนตัวกรองอากาศทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร เพื่ออากาศบริสุทธิ์อีกด้วย

9 ระบบเบรก

ครอบคลุมทั้งน้ำมันเบรก ผ้าเบรกและการทำงานของเบรก ดังนั้น หมั่นตรวจสอบโดยให้ทดลองขับรถบนทางโล่งๆ ด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่ วโมง แล้วให้เหยียบเบรกเต็มแรง หากรู้สึกมีแรงสะท้านแบบถี่ๆ หมายถึงระบบเบรกยังใช้งานได้ต ามปกติ แต่ถ้าหากเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดขึ้น มา แสดงว่าระบบเบรกกำลังมีปัญหาดังนั้น ให้นำเข้าไปอู่ให้ช่างตรวจสอบ

10 ย า งรถยนต์

เป็นเหมือนขาที่สามารถพาไปได้ยังที่ต่าง มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยให้หมั่นตรวจสอบลมย า งเป็นประจำอ ย่ า งสม่ำเสมอ รวมถึงด อ กย า ง ว่ าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ด้วย

11 น้ำมันเครื่อง

สามารถตรวจเช็คได้ที่ห้องเครื่องจากก้านวัดน้ำมันเครื่อง อีกทั้งควรมีน้ำมันเครื่องติดรถสำรองไว้อ ย่ า งน้อย 1 ลิตร และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถทุก 10,000 กิโลเมตรด้วย

12 สายรัดเข็มขัดนิรภั ย

ตรวจเช็คว่าสายรัดเข็มขัดนิร ภั ยยังใช้งานได้ปกติหรือไม่ เพราะเป็นเหมือนตัวช่วยสำคัญหากเมื่อเกิดเหตุ ฉุ ก เ ฉิ นอีกด้วย

12 สิ่งเหล่านี้ ควรหมั่นตรวจสอบให้เป็นประจำจนเป็นนิสัย เพราะจะทำให้มั่นใจในการขับขี่ได้มากขึ้น และยังป ล อ ด ภั ยในทุกเส้นทางการเดินทางอีกด้วย

ที่มา krustory