วันนี้เราจะพาคุณไปดูจุดสำคัญของรถยนต์ เพื่อทำการตรวจเช็คระบบต่างๆ ที่สำคัญก่อนออ กเดินทางไกล เพื่อความปลอ ดภั ยของคุณและคนในครอบครัว รวมไปทั้งเพื่อนร่วมทางของคุณ กับ 8 จุด ตรวจเช็ครถ เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนออ กเดินทางไกล ไปดูกันว่ามีจุดสำคัญจุดไหนบ้างที่ควรตรวจสอบ ตรวจเช็คทุกครั้งก่อนออ กเดินทางไกล
1เช็คน้ำมันเครื่อง
ซึ่งระดับของน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง และควรจะมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถเอาไว้สัก 1 ลิตร เผื่อ กรณีฉุกเฉิน จะได้มีน้ำมันเครื่องไว้เปลี่ยนหรือเติม เพราะน้ำมันเครื่องถือเป็นสิ่งจำเป็นของระบบกลไกต่างๆในเครื่องยนต์ ควรตรวจเช็คอย่ างสม่ำเสมอ
2 เช็คระบบไฟ
ระบบไฟถือว่าจำเป็นอย่ างมากในการเดินทางขับขี่ด้วยรถยนต์ โดยเฉพาะตอนกลางคืน เพราะเป็นตัวให้แสงสว่าง ให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทาง รวมถึงเป็นจุดสังเกตให้รถคันอื่น มองเห็นเรา ก็จะช่วยลด อุ บั ติ เ ห ตุ ลงได้ ดังนั้นเราควรตรวจเช็คทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟตัดหมอ ก ไฟเลี้ยว และฉุกเฉิน ให้สามารถทำงานได้อย่ างปกติทุกจุด
3 เช็คระดับน้ำมันเบรก และ ระบบเบรก
น้ำมันเบรก เป็นระบบปิด ซึ่งน้ำมันเบรกจะอยู่แต่ภายในระบบเบรก จะไม่มีการระเหยเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิง หากผ้าเบรกไม่สึก หรือมีจุดรั่ว น้ำมันเบรกจะไม่ห า ย ดังนั้นให้เราเช็คว่าน้ำมันเบรกห า ยหรือเปล่า หาสาเหตุให้พบ และแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนใช้รถ หรือออ กเดินทางไกล
4 เข็มขัดนิรภั ย
ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามมากๆ เพราะเข็มขัดนิรภั ยจะเป็นตัวช่วยไม่ให้เรากระเด็นออ กนอ กรถจนได้รับบาดเ จ็ บอย่ างหนัก หากเกิด อุ บั ติ เ ห ตุ ดังนั้นเราควรตรวจเช็คว่า หัวเข็มขัดยังล็อ กได้แน่นหนาดี สายรัดเอวอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ฉีกข า ด
5 เช็คช่วงล่าง
ช่วงล่างก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรตรวจเช็ค วิธีเช็คช่วงล่าง ให้นำรถไปวิ่งบนถนนเรียบทางตรง และสังเกตที่พวงมาลัย หากไม่ตรงก็ให้นำไปตั้งศูนย์ใหม่ รวมถึงตรวจเช็คชิ้นส่วนต่างๆของช่วงล่าง เช่น ลูกหมาก หากขับทางขรุขระแล้วมีเสียงกุกกัก ก็ให้เข้าศูนย์เพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย เพราะระบบช่วงล่างนั้นมีผลต่อ การทรงตัวในขณะขับเป็นอย่ างมาก ควรตรวจเช็คให้เรียบร้อยเพื่อความปลอ ดภั ย
6 ล้อและย างรถยนต์
ตรวจเช็คย างรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน มีดอ กย างเพียงพอ ไม่รั่วซึม หรือแตกล า ยงา และเติมลมย างต ามที่คู่มือประจำรถกำหนด สำหรับล้อ ก็ควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เช่นกัน ไม่คดไม่เบี้ยว รวมถึงเช็คน็อตล้อด้วยว่าขันแน่นดีอยู่หรือเปล่า
7 ใบปัดน้ำฝน
หล า ยคนก็อาจจะมองข้ามในส่วนนี้ไป แต่ถ้าหากคุณกำลังขับรถ แล้วเกิดฝนตกลงมาอย่ างหนัก มองไม่เห็นทาง ใบปัดน้ำฝนก็ยังช่วยให้คุณเห็นทางได้ดีขึ้นอยู่บ้าง ซึ่งโดยเฉลี่ยใบปัดน้ำฝนจะอยู่ได้ 2 ปี ดังนั้นเมื่อครบกำหนดก็ควรเปลี่ยน เพราะหากใบปัดน้ำฝนหมดสภาพ จะทำให้ลำบากในการขับขี่เวลาที่ฝนตกหนัก
8 แบตเตอรี่
สำหรับแบตเตอรี่ มีส่วนสำคัญในการสต าร์ทเครื่องยนต์ ดังนั้นเราควรตรวจดูสภาพของแบตเตอรี่ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ เช็คระดับน้ำกลั่น ตรวจสอบความแน่นของขั้วแบต และทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบตด้วย
สำหรับคนที่ต้องขับรถเป็นประจำจึงไม่ควรละเลยในการตรวจเช็คสภาพรถทุกครั้งก่อนออ กเดินทาง โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไกล เพื่อความปลอ ดภั ยและราบรื่นในการเดินทาง ที่สำคัญคือ ขับรถไม่ประมาท มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางด้วยนะคะ
ที่มา : bitcoretech