เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนแบบนี้ หล า ยๆ พื้นที่มักจะมีน้ำท่วมและบางคนก็ต้องออ กไปทำงานในทุกๆ วัน และก็ยังมีบางคนที่จะต้องดำเนินชีวิตด้วยการใช้รถยนต์เป็นย านพาหนะในการเดินทาง แต่การจะขับรถลุยน้ำท่วมแบบนี้อาจจะเป็นเรื่องย ากสำหรับหล า ยๆ คน วันนี้ความกังวนเหล่านี้จะหมดไป เพราะเราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการขับรถลุยน้ำท่วม ให้เครื่องยนต์ของคุณไม่ดับได้ กับบทความ 5 วิ ธีขับรถลุยน้ำท่วม เครื่องไม่ดับ ไปดูกันว่าจะต้องขับรถอย่ างไร ให้รถยนต์ของคุณเครื่องไม่ดับ และยังใช้งานได้ต ามปกติ
1 ห้ า ม ดั บ เครื่องทันที ที่พ้นจุดน้ำท่วมขัง
เมื่อพ้นจุดที่น้ำท่วมขังมาเรียบร้อยแล้ว อ ย่ าเพิ่งรีบดับเครื่องยนต์ โดยให้เครื่องยนต์ติดไว้ก่อนซักพัก เพื่อเป็นการไล่น้ำออ กจากท่อไอเสีย และยังช่วยทำให้เครื่องยนต์กลับสู่สภาพปกติได้อีกด้วย
2 ปิดแอร์
การปิดแอร์นอ กจากจะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ได้แล้ว ยังเป็นเหมือนการป้องกันไม่ให้น้ำจากภายนอ กไหลย้อนกลับเข้าสู่ตัวเครื่องยนต์ได้ โดยควรปิดทั้งแอร์ และตัวพัดลมแอร์ระบายความร้อนทั้งหมด เพราะการขับรถลุยน้ำยิ่งน้ำสูง ยิ่งเสี่ยงต่อ การที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์ รวมถึงจะทำให้ใบพัดลมแอร์ หั กและช็ อ ตได้อีกด้วย
3 เน้นใช้เกียร์ต่ำ
เนื่องจากการขับรถลุยน้ำนั้น ไม่ต่างกับการขับรถขึ้นเนิน ดังนั้นควรใช้เกียร์ต่ำ อ ย่ า งเกียร์ L หรือ เกียร์ 1 เท่านั้น เพื่อเป็นการไม่ให้รอบเครื่องยนต์ทำงานต่ำเกินไปจนเกิดกการย้อนกลับของน้ำจนเข้าเครื่องยนต์ได้
4 ขับรถช้าๆ ไม่ต้องเคลื่อนตัวรถให้เร็ว
ควรค่อยๆ เคลื่อนตัวรถไปอ ย่ า งช้าๆ เพราะยิ่งเร่งเครื่องเพื่อต้องการให้พ้นจากจุดน้ำท่วมเร็ว กระแสน้ำจะยิ่งตีกลับมาทำให้เกิดแรงกระแทกของน้ำ และอาจส่ งผลเข้าเครื่องยนต์ได้ ดังนั้น การเคลื่อนตัวไปช้าๆ จะดีกว่า และห้ามจอ ดรถแช่น้ำอยู่เป็นอันข า ด
5 เหยียบเบรกย้ำๆ บ่อยครั้ง
เมื่อขับรถพ้นจุดที่พ้นน้ำท่วมสูงมาได้แล้ว ให้เหยียบเบรกซ้ำๆ บ่อยๆ เพื่อเป็นการไล่น้ำออ กจากผ้าเบรก และป้องกันอาการเบรกลื่นได้อีกด้วย
อ ย่ า งไรก็ต ามเทคนิคในการขับรถในช่วงหน้าฝนให้ปลอ ดภั ยมากยิ่งขึ้น ให้จำหลักข้อง่ายๆ ดังนี้
1 หากฝนตกหนักให้จอ ดพักก่อน เวลาเจอ กับฝนที่ตกหนัก จะทำให้เราไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนในสภาพอากาศปกติ ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรหาที่จอ ดพักรถที่ป ล อ ด ภั ยก่อน แล้วรอจนฝนซาแล้วค่อยขั บ ต่ อไปดีกว่า
2 เช็คระบบไฟ ใบปัดน้ำฝน ย า งรถ เบรกให้เรียบร้อย เพราะหน้าฝน มักจะมีอากาศที่ชื้นกว่าปกติ ทำให้ถนนหนทางลื่นง่าย และต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพรถเพื่อความปลอ ดภั ยอีกด้วย
3 ไม่ขับรถเร็วเกินไป ทัศนวิสัยที่แ ย่ในหน้าฝน รวมถึงอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อ ย่ า งไม่คาดฝัน ไม่ว่า จะเป็นถนนที่ลื่นกว่าปกติที่จะยิ่งทำให้มองเห็นได้ไม่ดีนัก ดังนั้นเพื่อความป ล อ ด ภั ย ควรขับรถด้วยความระมัดระวังไม่ขับเร็วจะดีกว่า
4 อ ย่ าเหยียบเบรกกะทันหัน การเหยียบเบรกกะทันหันบ่อยๆ จะทำให้สมรรถภาพการเกาะถนนของตัวรถน้อยลง และยิ่งทำให้ลื่นง่ายอีกด้วย
ที่มา krustory